สายเอี๊ยม (ภาษาอังกฤษแบบ American English จะเรียกว่า suspenders ส่วนภาษาอังกฤษแบบ British English จะเรียกว่า braces) คือ สายรัดที่ทำจากผ้าหรือหนัง สำหรับสวมใส่โดยพาดบนบ่าเพื่อพยุงกางเกง สายรัดนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นแถบยางยืด คืออาจจะเป็นแถบยางยืดทั้งเส้นก็ได้หรือจะมีแค่ช่วงปลาย สายรัดส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบ X หรือ Y ที่ด้านหลัง สายเอี๊ยมโดยทั่วไปจะมีแท็บหนังเพื่อติดกับกระดุมกางเกงหรือมีคลิปที่ส่วนปลาย
คำว่า "suspenders" หรือ "suspender belt" ในภาษาอังกฤษแบบ British English จะหมายถึงสายรัดที่ใช้พยุงถุงน่อง ในขณะที่ภาษาอังกฤษแบบ American English จะเรียกสายรัดแบบนั้นว่า a garter belt
ความเป็นมา
มีหลักฐานว่า มีการสวมใส่สายเอี๊ยมมาแล้วกว่า 300 ปี แต่แบบโมเดิร์นมีขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1822 โดย Albert Thurston และที่เรานำมาสวมใส่ในแบบที่เรียกได้ว่าสากลโลกก็เนื่องจากรูปแบบกางเกงแบบไฮคัทในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นการตัดเย็บที่ทำให้การมีเข็มขัดนั้นไร้ความหมาย หลังจากการสวมสายเอี๊ยมหมดความนิยมในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ชายก็ชินกับยูนิฟอร์มที่มีเข็มขัด แต่สายเอี๊ยมก็ยังคงถูกสวมใส่กันเป็นปกติตลอดทศวรรษที่ 1920
ต่อมาเมื่อสายเอี๊ยมถูกมองว่าเป็นเครื่องแต่งกายประเภท underwear ผู้ชายจึงหันมาใส่เข็มขัดระหว่างทศวรรษที่ 1930 เนื่องมาจากเสื้อกั๊กเป็นชุดที่ซ่อนสายเอี๊ยม ทำให้ดูแล้วเหมือนไม่ได้สวมสายเอี๊ยม จึงทำให้มีการเปลี่ยนตำแหน่งของกระดุมที่เดิมอยู่ด้านนอกของขอบกางเกงมาอยู่ด้านในแทน แม้ว่าการกลับมาของกางเกงแบบ fuller-cut ในทศวรรษที่ 1940 จะทำให้ผู้ชายกลับมาใส่สายเอี๊ยมอีกครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่ได้เอาสายเอี๊ยมมาสวมเป็นเครื่องแต่งกายที่ดูโดดเด่นเหนือกว่าการใส่เข็มขัดอีกแล้ว
แฟชั่น
ขณะที่แฟชั่นสายเอี๊ยมนั้น in และ out สลับวนกันไปมาในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา และแล้วมันก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในอเมริกาและอังกฤษเมื่อปี 2008 เมื่อมีภาพยนตร์แนวดราม่าย้อนยุคเรื่อง Brideshead Revisited ออกมาฉาย
ตัวอย่างคนดังที่ใส่สายเอี๊ยม ได้แก่ Martin Shaw นักแสดงจากเรื่อง Judge John Deed และ Daniel Craig จากเรื่อง James Bond, 007 นอกจากนี้ นักธุรกิจ นักข่าว และในบางสายอาชีพ อย่างเช่น นักกฎหมาย ล้วนแล้วแต่ใส่สายเอี๊ยม แม้แต่ในการ์ตูน ที่ Lenny ในเรื่อง Simpsons ก็ยังใส่สายเอี๊ยมสีฟ้าทับเสื้อเชิ้ตสีเขียว
สายเอี๊ยม ยังเป็นส่วนหนึ่งของแฟชั่นสกินเฮด (Skinhead) และแฟชั่นพั้งค์ (Punk Fashion) สายเอี๊ยมของทั้งสองแฟชั่นนี้จะกว้างประมาณ 3/4 นิ้ว และ 1 นิ้ว ในกลุ่มสกินเฮดบางกลุ่ม สีและตำแหน่งการสวมใส่ของสายเอี๊ยม อาจมีความหมายโดยนัยทางการเมืองด้วย
วัสดุที่ใช้ทำสายเอี๊ยมถูกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา มีทั้งเรยอง ไฟเบอร์สังเคราะห์ชนิดแข็ง ผ้าขนสัตว์ (boxcloth) ผ้าไหม
การสวมใส่สายเอี๊ยม
สายเอี๊ยมคุณภาพสูง มีไว้สำหรับพวก white collar (แรงงานมืออาชีพที่ทำงานกินเงินเดือน หรือแรงงานที่มีการศึกษา ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกกันในชาวอเมริกัน) หรือชนชั้นสูง/กลางค่อนข้างสูง (Upper / Upper-middle class ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกกันในชาวอังกฤษ) สายเอี๊ยมของคนกลุ่มนี้จะเป็นแบบติดกับกางเกงที่มีกระดุมเท่านั้น คนที่มีชื่อเสียงอย่าง แดเนียล เคร้ก (Daniel Craig) ผู้แสดงเป็นเจมส์ บอนด์ จากภาพยนตร์เรื่อง Casino Royale, ไมเคิล ดักลาส (Michael Douglas) และ John Barrowman ล้วนแล้วแต่ใช้สายเอี๊ยมของ Albert Thurston
ในอดีต การสวมใส่สายเอี๊ยมและเข็มขัดในเวลาเดียวกันถือเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่กระทำกัน แต่ก็ไม่เสมอไปสำหรับบางชนชั้น ต่อมามีบางคนมองว่า จริงๆ สายเอี๊ยมถือเป็นเครื่องแต่งกายประเภท underwear ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เมื่อคนอื่นมองมาแล้วจะไม่เห็นว่าสวมใส่สายเอี๊ยมอยู่ เนื่องจากก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เสื้อกั๊ก (waistcoat) หรือชุดจั๊มเปอร์ หรือเสื้อคาร์ดิแกน จะปิดทับเสื้อผ้า ดังนั้นจึงเห็นว่าสายเอี๊ยมนั้นเป็นเครื่องแต่งกายที่เรามองไม่เห็น
อย่างไรก็ตาม ผู้ชายก็เริ่มที่จะไม่สวมแจ๊คเก็ตเมื่อออกมาเดินข้างนอกแล้ว ดังนั้นความรู้สึกเช่นนี้จึงหมดไปด้วย อาจมีเพียงในอังกฤษเท่านั้นที่มองว่า การสวมใส่สายเอี๊ยมสีสันสดใส หรือสวมสายเอี๊ยมโดยที่ไม่ได้สวมแจ๊คเก็ต ดูเปิ่นๆ แปลกๆ แต่ปัจจุบันแอตแลนติคทั้งสองฟากฝั่งก็ถือว่าสายเอี๊ยมเป็นเครื่องแต่งกายที่สามารถมองเห็นได้โดยที่ไม่รู้สึกแปลกแล้ว
กางเกงสำหรับสวมใส่สายเอี๊ยมจะมีกระดุมสำหรับติดกับแท็บของสายเอี๊ยม มีทั้งแบบที่มีกระดุมอยู่ด้านนอก (แบบดั้งเดิม) หรือแบบที่อยู่ด้านในขอบกางเกงที่ไม่มีห่วงสอดเข็มขัด กางเกงอาจเป็นแบบ high back ที่มีทรงหางปลา (fishtail) แต่ปัจจุบันทรงแบบนี้ไม่ได้รับความนิยมแล้ว ทรงแบบนี้จะมีสายรัดที่ปรับได้อยู่ด้านหลัง
หน้าที่เข้าชม | 2,586,029 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,020,000 ครั้ง |
เปิดร้าน | 23 ม.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 21 ส.ค. 2568 |